ลูกสาวตาอ้าย ขออายัด หวย ถูกขโมย ย้ำมีทั้งพยาน หลักฐาน

ลูกสาว “ตาอ้าย” เจ้าของสลากฯ รางวัลข้างเคียง มูลค่า 1 แสนบาทที่ถูกขโมยไป เดินทางจากอ.เสริมงาม จ.ลำปาง มาที่กองสลากฯ เพื่ออายัดสลากฯ ที่ถูกรางวัล แต่ขาดหลักฐานอีกหลายอย่างต้องกลับไปเอาที่บ้านและโรงพัก บ่นเหนื่อย ถามคนที่ขโมยทำไมต้องทำให้ยุ่งยากด้วย ถึงตอนนี้จะมาขอโทษก็ไม่ยกโทษให้แล้ว

ข่าวหวยเลขเด็ด เวลา 08.00 น. วันที่ 5 ก.ค. 67 ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จ.นนทบุรี นางนาราภัทร พรมมะกุล อายุ 50 ปี ลูกสาว “คุณตาอ้าย” อายุ 74 ปี เจ้าของลอตเตอรี่รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 ก.ค. 2567 หลังเข้าแจ้งความสภ.เสริมงาม จ.ลำปาง ได้เดินทางมาพร้อมกับนางนอรา แม่ค้าลอตเตอรี่ ที่นำลอตเตอรี่ไปขายให้กับตาอ้าย เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่กองสลากฯ ในการทำเรื่องขออายัด ลอตเตอรี่ หมายเลข 434504 งวดที่ 26 ชุดที่ 09 จำนวน 1 ใบ ที่ถูกขโมยไป

นางนาราภัทร กล่าวว่า วันนี้เดินทางมากองสลากเพื่อขออายัดลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลข้างเคียงที่มีปัญหา หลังจากแจ้งอายัดก็จะเป็นหน้าที่ของตำรวจ ทางตำรวจในการดำเนินคดี ตนไม่ได้โทรศัพท์ติดต่อกับนางเอ อสม. (ผู้ถูกกล่าวหาว่าขโมยลอตเตอรี่ขณะไปทำแผลให้ตาอ้าย) เนื่องจากก่อนหน้าที่จะไปแจ้งความดำเนินคดี ตนได้พูดคุยและให้โอกาสกับเขาแล้ว แต่เขาก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เอาไป ส่วนสลากฯได้ฉีกทิ้งไปหมดแล้ว หลังจากนั้นนางนาราภัทรขึ้นไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่ออายัดสลาก

ต่อมาเวลา 09.00 น. หลังจากนางนาราภัทร พรมมะกุล ขึ้นไปทำเรื่องอายัด ได้กลับลงมาให้สัมภาษณ์ทีมข่าวอีกครั้ง เปิดเผยว่า หลังจากที่ขึ้นไปติดต่อเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายได้แนะนำให้ตนกลับไปเตรียมเอกสารเพิ่มเติมและนำกลับมาให้ มี 1. หมายเรียกพยานเอกสารเพื่อขออายัดสลาก 2. หมายเลขสลาก หมายเลขชุด 3. หนังสือจากสถานีตำรวจเพื่อขออายัด 4. สำเนาบัตรประชาชน พร้อมรูปถ่ายใบที่ถูกรางวัล ตนยังได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ ว่าสลากฯได้ถูกขึ้นเงินหรือยัง และใครเป็นคนนำมาขึ้น เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ทำหนังสือ ขอทราบข้อมูลผู้นำสลากฯ มาขึ้นรางวัล จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นางนาราภัทร กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะเดินทางกลับไปที่ สภ.เสริมงาม จ.ลำปาง เพื่อนำเอกสารกลับมาให้กับเจ้าหน้าที่กองสลากอีกครั้ง ตนไม่กังวลหากใครเอาสลากฯ มาขึ้นรางวัล เนื่องจากมีหลักฐานทั้งหมด พร้อมจะดำเนินคดีอาญา

“หากไม่ได้เงินก็ไม่กลัว แต่ขอให้ผู้ที่ลักขโมยสลากไปได้รับโทษในการกระทำของเขา หากคู่กรณีมาขอโทษในความผิดในตอนนี้ ก็ไม่พร้อมให้อภัยเพราะได้ให้โอกาสไปแล้วหลายครั้ง ตอนนี้เหนื่อยมาก เหนื่อยว่าทำไมต้องทำให้เรายุ่งยาก แต่ก็ไม่เครียด ฝากเตือนคู่กรณี ไม่ใช่ของตัวเองจะเอาไปทำไม สุดท้ายก็ต้องเจอคดีความ เนื่องจากมีหลักฐานพร้อมพยานที่จะมัดตัวผู้กระทำความผิด”

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ruay168